Search

KTC เด้งขึ้น 2.50% เหตุนลท.ผ่อนคลายแรงกดดัน - กรุงเทพธุรกิจ

santehuahua.blogspot.com

17 มิถุนายน 2563

263

"บัตรกรุงไทย" ราคาหุ้นเช้านี้เด้งขึ้น 2.50% มาอยู่ที่ระดับ 30.75 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขายราว 1,826 ล้านบาท โบรกฯ คาดนักลงทุนผ่อนคลายแรงกดดันลดดอกเบี้ย หลังราคาหุ้นร่วงก่อนหน้านี้กว่า 23%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเช้าวันนี้พบความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ฟื้นตัวขึ้นมากว่า 2.50% มาอยู่ที่ระดับ 30.75 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขายราว 1,826 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (KTBS) เปิดเผยว่าประเมินว่าราคาหุ้น KTC ที่เด้งขึ้นมาน่าจะเกิดจากแรงผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้ราคาหุ้น KTC ปรับตัวลดลงรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 10 – 16 มิ.ย.ที่ผ่านมาราคาหุ้นร่วงแรงกว่า 23% จากความกังวลนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่อาจขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้ลดลงราว 1-2%

ขณะที่ประเมินว่าหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นจริงจะกระทบต่อ KTC อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงทุกๆ 1% จะกระทบต่อกำไรสุทธิ KTC ที่ -5.6% โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 14% มาอยู่ที่ 5.79 พันล้านบาท หรือเติบโต 5% จากปีก่อน เนื่องจากหนี้สงสัยจะสูญ (เอ็นพีแอล), ค่าใช้จ่ายสำรองฯที่สูง ภายหลังที่บริษัทจะยังคงตั้งสำรองและจัดชั้นลูกหนี้ตามปกติ แม้ว่าจะมีระยะเวลา Grace period 3 เดือน อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบข้างต้นแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงนั้นใกล้เคียงกับช่วงที่มีข่าวจะช่วยเหลือลูกหนี้ (3 มี.ค. – 7 เม.ย.) และช่วงที่มีการปรับลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิตเป็น 18% จาก 20% (มิ.ย.- ก.ค. 2017)

"ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมาจากตัวเลขเอ็นพีแอลที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากผลกระทบโควิด-19 และมาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่งส่งผลให้บริษัทอาจมีภาระการตั้งสำรองฯมากขึ้นในอนาคต รวมทั้งบริษัท Downside risk จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เราจึงแนะนำเพียง “ถือ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 33 บาท"




June 17, 2020 at 11:38AM
https://ift.tt/3ecb3kz

KTC เด้งขึ้น 2.50% เหตุนลท.ผ่อนคลายแรงกดดัน - กรุงเทพธุรกิจ

https://ift.tt/3cihWzB


Bagikan Berita Ini

0 Response to "KTC เด้งขึ้น 2.50% เหตุนลท.ผ่อนคลายแรงกดดัน - กรุงเทพธุรกิจ"

Post a Comment

Powered by Blogger.